ระทึก! อ่างทองดินทรุด ทำให้บ้านเรือนพังเสียหายจำนวน 9 หลัง ถนนบางช่วงลึกถึง 1 เมตร ปลัดอำเภอเมืองอ่างทอง ยังไม่สามารถสรุปสาเหตุที่แท้จริงได้ ขณะที่ล่าสุดดินยังทรุดตัวมากขึ้น บ้านเรือนเสียหายเพิ่มอีก 4 หลัง
ช่วงเย็นวานนี้ (1 กรกฎาคม) นางบุญเรือน ก้อนทองดี นายกเทศมนตรีตำบลโพสะ อ.เมือง จ.อ่างทอง เปิดเผยถึงกรณีในพื้นที่หมู่ 3 ต.โพสะ ติดกับถนนลูกรังริมแม่น้ำเจ้าพระยา เกิดเหตุดินทรุด มีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 9 หลัง เป็นการพังเสียหายบางส่วน ถนนบางช่วงดินทรุดความลึกถึง 1 เมตร ว่า จุดเกิดเหตุไม่เคยเป็นพื้นที่ถูกน้ำท่วม เพราะเป็นหมู่บ้านที่อยู่ในคันกั้นน้ำ ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอ่างทอง เข้ามาตรวจสอบเก็บข้อมูลแล้ว แต่ยังไม่สามารถระบุสาเหตุที่แท้จริงได้ ส่วนทางเทศบาลเอง จะนำเรื่องนี้เข้าประชุมสภา เพื่อนำงบประมาณมาช่วยเหลือเยียวยากับบ้านที่ประสบภัยดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม นายฉัตรชัย เย็นทรวง ปลัดอำเภอเมืองอ่างทอง กล่าวหลังจากเข้าตรวจสอบว่า ยังไม่สามารถสรุปสาเหตุที่แท้จริงได้ คาดว่าเกิดจากระดับน้ำที่ท่วมรอบหมู่บ้านเมื่อปีที่ผ่านมาลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะให้ผู้เชี่ยวชาญเข้าตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง
ด้านนางช้วน ศรีวัฒนาธรรม อายุ 72 ปี เจ้าของบ้านหลังหนึ่งที่เกิดทรุดตัวลงเกือบครึ่งหลัง บอกว่า ตนสังเกตเห็นว่าบ้านเริ่มมีรอยแตกได้ประมาณ 1 เดือนแล้ว ในช่วงที่เทศบาลตำบลโพสะ มาก่อสร้างถนนใหม่ แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไรมากมาย แต่เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เห็นบ้านหลายหลังทรุดตัวลงมาเป็นจำนวนมาก ส่วนบ้านของตนก็ทรุดวันละกว่าคืบ จึงตัดสินใจนำปูนมาซ่อมแซมตรงที่ทรุด เพื่อไม่ให้บ้านทรุดลงไปทั้งหลัง แต่บ้านยังคงทรุดอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้เกือบครึ่งหลังแล้ว จึงต้องตัดไฟในบ้านหลายจุด เพราะเกรงว่าหากบ้านทรุดลงไปอีกจะดึงสายไฟ ทำให้เกิดไฟไหม้ได้
ขณะที่วันนี้ (2 กรกฎาคม) นายวิศว ศศิสมิต ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุดินทรุดดังกล่าวแล้ว โดยพบว่า ดินยังทรุดตัวเพิ่มขึ้น ทำให้ถนนมีรอยแยกกว้างเพิ่มขึ้นอีก 1 เมตร และมีบ้านเรือนเสียหายเพิ่มอีก 4 หลัง รวมมีบ้านเรือนได้รับความเสียหายแล้ว 13 หลัง
ทั้งนี้ เบื้องต้น นายวิศว คาดว่าดินทรุดเพราะน้ำท่วมเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ทำให้ดินชั้นล่างสไลด์ลงแม่น้ำเจ้าพระยา จนดินด้านบนทรุดลงไปด้วย โดยขณะนี้ได้ประกาศให้พื้นที่ ม. 3 ตำบลโพสะ เป็นพื้นที่ภัยพิบัติแล้ว และให้ชาวบ้านย้ายไปอยู่บ้านญาติก่อนชั่วคราว หลังจากนี้จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบสาเหตุที่แท้จริงต่อไป